วันนี้เรามาพูดถึง Mesotherapy หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า เมโสหน้าใส พอได้ยินคำนี้แล้ว บอกได้เลยว่าไม่มีใครที่จะไม่รู้จัก เนื่องจากเป็นการทำทรีทเม้นท์บำรุงผิวหน้าที่นิยมกันมากในขณะนี้ เพราะคุณสมบัติที่โดดเด่นของเมโสหน้าใส จะช่วยให้ผิวหน้าของเรา ขาวใส เรียบเนียน และ รูขุมขนเล็กกระชับขึ้น เห็นผลเร็วภายใน 7 วัน
เมโสหน้าใส คืออะไร?
เมโสหน้าใส คือการฉีดวิตามินต่างๆ เข้าสู่ผิวหน้าเพื่อให้ผิวหน้าสดใส ช่วยบำรุงผิวหน้า รูขุมขนดูกระชับ ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และ ช่วยลดรอยสิวให้ดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผิวหน้ามีความสดใสมากกว่าที่เคย
เมโสหน้าใส VS มาเด้คอลลาเจน ต่างกันอย่างไร?
การฉีดเมโสหน้าใส เป็นการเติมสารบำรุงผิวที่เห็นผลได้ไวกว่าการทาครีมบำรุงผิว ช่วยรักษาปัญหาของผิวได้อย่างเร่งด่วน เช่น ช่วยปรับให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้น เรียบเนียน ขาวใสขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว
การฉีดมาเด้คอลลาเจน เป็นการดีท๊อกซ์สารพิษที่ตกค้างอยู่บนผิวหน้าให้ถูกขับออกไป และเป็นการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยในการขจัดของเสียบนผิวหน้า ช่วยปรับสภาพให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบ อาการแพ้ของผิวหน้า ลดการเกิดสิว ได้อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม : รวมเรื่องน่ารู้ ฉีดมาเด้คอลลาเจน ฉีดเพื่ออะไร? อันตรายไหม? 2022
เมโสหน้าใสเหมาะกับใครบ้าง
- คนต้องการมีผิวหน้าที่ขาวกระจ่างใสอย่างเร่งด่วน
- คนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง และ จุดด่างดำบนใบหน้า
- คนที่ทาครีมบำรุงแล้วไม่เห็นผล
- คนที่ไม่มีเวลาบำรุงผิวหน้าหลายๆขั้นตอน
- คนที่ผิวหน้าแห้งกร้าน หมองคล้ำ และ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- คนที่ต้องการให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้นแต่งหน้าติดทนนาน
ยี่ห้อของเมโสหน้าใสที่นิยม มีอะไรบ้าง? แต่ละตัวแตกต่างกันอย่างไร?
- มาเด้คอลลาเจน นิยมใช้เพื่อรักษาอาการแพ้ และ ลดสิวอักเสบบนใบหน้า ชาวยทำให้ผิวหน้าแข็งแรงมากขึ้น
- Cytocare ไซโตแคร์ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดเม็ดสีฝ้ากระได้ดี ช่วยให้ผิวหน้าขาวจ่างใส และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวแข็งแรง
- Tensonez / Depigment ช่วยลดปัญหาฝ้าบนใบหน้า ให้หน้าขาวใส
- Alpha albutin ช่วยในการรักษา ฝ้า กระ โดยเฉพาะ
- Filorga ช่วยให้ผิวขาวใส ลดฝ้า
ฉีดเมโสหน้าใสมีกี่วิธี อะไรบ้าง?
เราจะสามารถแบ่งเมโสออกเป็น 3 รูปแบบด้วยกัน
- แบบฉีดเพื่อความขาวใส โดยในเมโสจะมีการผสมของวิตามินที่จะทำให้ผิวหน้าของคุณมีความขาวพองมากยิ่งขึ้น
- แบบฉีดเพื่อความใสกระจ่างบนใบหน้า มีส่วนผสมในการเติมของคอลลาเจนเป็นหลักให้ความชุ่มชื้นบนใบหน้ากระชับรูขุมขนทำให้ใบหน้าของคุณมีความฟูมากยิ่งขึ้น
- แบบฉีดเพื่อลดสิวหรือผื่นบนใบหน้า กระตุ้นเพื่อขับสารพิษที่อยู่ต่อมไขมันให้มีประสิทธิภาพลดลงช่วยให้ลดสิวและผดผื่นบนใบหน้านั่นเอง
สำหรับวิธีในการฉีดเมโสจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 2 วิธีด้วยกันดังต่อไปนี้
การฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด
เป็นการฉีดตามจุดของต่อมน้ำเหลืองเพื่อให้เลือดไหลเวียงได้ตามปกติ เป็นเทคนิคของแพทย์ ที่สามารถช่วยให้เจ็บน้อย เกิดรอยช้ำน้อยและ เห็นผลเร็วมากขึ้น ภายใน 3 วัน
การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด
คือการฉีดยาแบบสะกิดผิวหน้าในชั้นผิวตื้นๆ เป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า เพื่อให้วิตามินได้ซึมซาบเข้าสู่ผิวหน้าได้อย่างทั่วถึง การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิดนี้ถือเป็นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิวได้เป็นอย่างดี
เมโสหน้าใสช่วยแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง?
- ช่วยรูขุมขนดูกระชับมากขึ้น
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยจางๆบนใบหน้า
- ช่วยลดรอยสิว และ ช่วยลดจุดด่างดำ ให้ดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด
- ช่วยลดความหมองคล้ำของผิวหน้า และปรับให้ผิวหน้ามีความสดใสมากยิ่งขึ้น
- ช่วยฟื้นฟูให้ผิวหน้าแข็งแรงมากขึ้น
- ช่วยลดโอกาสการเกิดสิวใหม่บนใบหน้า
ฉีดเมโสหน้าใสอันตรายหรือไม่ และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง?
ปัจจัยที่มีส่วนสำคัญที่ก่อนฉีดคนไข้จำเป็นจะต้องเลือกยี่ห้อและทำการศึกษายี่ห้อก่อนการฉีดทุกครั้ง เนื่องจากในปัจจุบันหลากหลายคลินิกที่นำผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานและไม่มีแหล่งผลิตยืนยันอย่างชัดเจนเข้ามาให้บริการเพื่อที่จะสามารถดำเนินบริการในราคาที่ถูกลงมากกว่าท้องตลาด นอกจากนี้ยังจำเป็นจะต้องเช็คส่วนผสมทุกครั้งเพราะอาจจะมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ที่จะส่งผลในระยะยาวทำให้ในอนาคตชั้นผิวหนังของท่านจะบางและไวต่อแดด ส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรและยังเป็นหนึ่งในบ่อเกิดส่งผลให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย
ฉีดเมโสหน้าใส เจ็บหรือไหม?
ในขณะที่ฉีดอาจจะมีความเจ็บที่อยู่ในระดับที่สามารถทนได้เนื่องจากการฉีดเมโสจะเป็นการฉีดผ่านผิวหนังชั้นกลาง และมีปริมาณของตัวยาที่ไม่สูงมากและใช้เวลาไม่นานก่อนการฉี่สามารถที่จะประคบน้ำแข็งเพื่อบรรเทาอาการเจ็บได้เช่นเดียวกัน
เมโสหน้าใส ต้องฉีดกี่ครั้งเห็นผล? ต้องทำบ่อยแค่ไหน?
การฉีดเมโสหน้าใส ตามปกติแล้วจะเริ่มเห็นผล ประมาณ 3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน โดยจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน แนะนำให้อาทิตย์ละครั้งในช่วง 1 เดือนแรก และ หลังจากนั้นฉีดทุกๆ 2อาทิตย์เพื่อคงสภาพของผิวหน้าที่ดีเอาไว้
การฉีด เมโสหน้าใส มีส่วนช่วยเรื่องของปัญหา หน้ามัน รูขุมขน และฝาหรือไม่?
เมโสเปรียบเสมือนคอลลาเจนที่มีหน้าที่ทำให้ประสิทธิภาพของต่อมไขมันลด โดยต่อมไขมันที่มีหน้าที่ในการสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวจะมีปฏิสนภาพลดน้อยลงตามลำดับเพราะฉะนั้นปัญหาหน้ามันหรือรูขุมขนก็จะลดลงตามไปด้วยนั่นเอง
นอกจากการฉีดเมโสหน้าใส ยังมีวิธีการบำรุงผิวหน้าไรอีกบ้าง?
- การทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ Whitening และ วิตามินต่างๆ
- การทานอาหารเสริม และ วิตามินต่างๆเพื่อปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสขึ้น
- การนวด และ การสครับผิวหน้า เพื่อเร่งผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไป
- การทานผักผลไม้ และ อาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวเป็นประจำ
- การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเป็นประจำ
- การออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน
ถ้าหยุดฉีดเมโสหน้าใสแล้ว ผิวหน้าจะเป็นอย่างไร?
การฉีดเมโสหน้าใส ถ้าหากมีการหยุดฉีดเมโสหน้าใสเป็นระยะเวลานาน อาจจากทำให้ผิวหน้าแห้งขาดความชุ่มชื้น ผิวหน้าหมองคล้ำดูไม่สดใส อาจเกิดปัญหาผิวหน้าแพ้ง่าย และ เป็นสิวได้ แต่ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการหยุดฉีดเมโส แต่มาจากการที่ผิวหน้าถูกทำร้าย จากมลพิษ แสงแดด ฝุ่นควัน หรือสารอันตรายที่อยู่ในครีมบำรุง โดยขาดการบำรุงอย่างล้ำลึกแบบต่อเนื่อง
ใช้ครีมบำรุงหน้าใสแบบทา มีผลลัพธ์ที่ดีจริงหรือไม่?
เชื่อว่าหลายท่านอาจจะเคยได้ยินหลายสื่อโฆษณาตามอินเตอร์เน็ตถึงเมโสหน้าหน้าใส สำหรับใช้ในการทาเป็นครีมหรือเซรั่มที่บอกคุณสมบัติว่าบำรุงผิวหน้าให้มีความกระจ่างใสฺ โดยประสิทธิภาพก็จะเทียบเท่ากับครีมทั่วไปคือเห็นผลได้ช้าอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานและความสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นสำหรับเมโสใครที่ต้องการประสิทธิภาพเห็นผลอย่างรวดเร็วการฉีดจึงตอบโจทย์มากกว่า
สามารถเริ่มฉีดเมโสหน้าใสได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
การฉีดเมโสหน้าใสสามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ถึงจะเกิดเหมาะสมและเห็นผลที่สุด เพราะจะอยู่ในช่วงวัยที่มักเกิดปัญหาต่างๆ ด้านผิวหน้า เช่น รอยสิว จุดด่างดำ ปัญหาความหมองคล้ำของผิวหน้า เป็นต้น
ฉีดเมโสหน้าใสแล้วผื่นขึ้น เกิดจากอะไร?
- เกิดจากการอักเสบติดเชื้อ จากตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน (ยาปลอม)
- เกิดจากการสัมผัสใบหน้าหลังการฉีดเมโส
- สถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้ไม่สะอาด
- เกิดจากการผิดกับแพทย์ ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญชาญ หรือ หมอกระเป๋า
- เกิดจากการแพ้แอลกอฮอล์ ที่ใช้สำหรับเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าก่อนการฉีด
ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดเมโสหน้าใส
สำหรับท่านที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการบริการหรือกำลังมองหาคลินิกสำหรับการให้บริการอยู่แล้วก็ สิ่งที่ควรจะต้องเตรียมตัวก่อนเข้ารับการบริการมีข้อดังต่อไปนี้
- ปักหมุดเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานได้มีรีวิวจากทางผู้เข้ารับการบริการจริงไม่ใช่หน้าม้า สำหรับการประกันการันตีมาตรฐานของประสิทธิภาพการและสินค้าที่คุณจะเข้ารับการบริการนั่นเอง
- จำเป็นจะต้องเช็คยี่ห้อก่อนการฉีดทุกครั้งเพื่อป้องกัน เมโสปลอมหรือไม่ได้รับมาตรฐานอยตามที่กฎหมายกำหนด
- แจ้งปัญหาและเข้าขอรับการปรึกษากับแพทย์ก่อน เนื่องจากปัญหาในผิวหน้าเป็นปัญหาที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล ท่านจำเป็นจะต้องเข้ารับการวิเคราะห์สภาพผิวก่อนเข้ารับบริการเพื่อคำแนะนำจากทีมแพทย์ให้ประสิทธิภาพของยี่ห้อหรือรูปแบบในการฉีดดีมากยิ่งขึ้น
- แจ้งประวัติส่วนตัวในการแพ้ยาหรือประวัติโรคประจำตัวแก่แพทย์ทุกครั้ง
หลังฉีดเมโสหน้าใสแล้วต้องปฎิบัติตัวอย่างไร?
- ควรงดออกแดดแรงๆเป็นเวลา 48 ชม. หลังการฉีด
- ห้ามล้างหน้าประมาณ 4-6 ชั่วโมงหลังฉีด (เพื่อให้ผิวดูดซัยตัวยาที่อยู่ในชั้นผิว)
- งดใช้ครีมจำพวกไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวขาว
- ควรใช้ครีมบำรุงที่มีวิตามินผสมเพื่อช่วยฟื้นฟูผิว
ใครบ้างไม่ควรฉีดเมโสหน้าใส
- ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
- ผู้ที่แพ้ยาชาทุกแบบทั้งการฉีดและการทา
- ผู้ที่ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือดเลือดออกง่ายตามผิวหนัง
- ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่กำลังมีปัญหาสิวอักเสบรุนแรง หรือ ผิวหน้าเป็นแผลติดเชื้อ (ควรรักษาให้หายก่อนรับบริการ)
- ผู้ที่ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
การฉีดเมโสหน้าใสที่ปลอดภัยควรเลือกจากอะไรบ้าง?
- เลือกคลินิกที่มีชื่อเสียง และ มีความน่าเชื่อถือ
- ฉีดกับคุณหมอที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์โดยดูได้จากรีวิวคนไข้ของคุณหมอ
- เลือกคลินิกที่สามารถให้ข้อมูลของตัวยาเมโสได้อย่างละเอียดโดยไม่ปิดบังข้อมูล
- คลินิกจะต้องเปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมายมีใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
- คลินิกมีการแจ้งชื่อแพทย์ผู้ทำหัตถการไว้อย่างชัดเจน
- คลินิกใช้ตัวยาของแท้ที่ผ่านมาตรฐาน อ.ย. และ สามารถตรวจสอบได้
- คลินิกต้องมีมาตรฐานการให้บริการที่น่าประทับใจ
เข้ารับการบริการ ฉีดเมโสหน้าใส ที่ไหนดี?
สำหรับท่านที่ต้องการจะเข้ารับบริการสิ่งแรกที่คุณต้องคำนึงเลยก็คือ ข้อมูลและการเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ จำเป็นจะต้องได้รับการบริการโดยแพทย์เพียงเท่านั้น สามารถตรวจสอบกล่องยาก่อนฉีดได้ทุกครั้ง เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงสำหรับการเจอยาปลอมนั่นเอง สามารถเช็คข้อมูลจากรีวิวผู้ใช้งานที่เคยเข้ามารับการบริการ ทำเลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงง่ายเรียกว่าเป็นปัจจัยที่บ่งบอกได้เลยว่าคลินิกจะมีความน่าเชื่อถือมากเพียงใด
สรุปเมโสหน้าใส ควรทำหรือไม่?
การฉีดเมโสหน้าใส ไม่ได้มีสรรพคุณช่วยเรื่องหน้าใสอย่างเดียว แต่ยังมอบสุขภาพที่ดี ผิวหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัย ทำให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น หมดกังวลเรื่องผิวแพ้ง่าย อีกทั้งการฉีดเมโสหน้าใสด้วยเทคนิคเฉพาะจะช่วยทำให้เจ็บน้อยกว่า และ ไม่มีรอยเขียวช้ำบนใบหน้า อีกทั้งยังทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้ยาวนานมากขึ้น และเห็นผลเร็วภายใน 3 วัน