การฉีดเมโสแฟต เป็นวิธีการกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในบริเวณส่วนต่างๆของร่างกายให้สลายไปได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งบริเวณที่นิยมฉีดเมโสแฟตเป็นอันดับ 1 คงหนีไม่พ้นบริเวณที่เป็นจุดสังเกตุที่สุดของร่างกาย นั่นคือ บริเวณเหนียง หรือ บริเวณใต้คางนั่นเอง วันนี้เราจะพามาเจาะลึกวิธีการฉีดเมโสแฟต ลดเหนียงอย่างไรให้ได้ผลที่ชัดเจน และปลอดภัย
เมโสแฟต คืออะไร?
Meso Fat (เมโสแฟต) คือ การฉีดสาร Phosphatidylcholine (สกัดจากถั่วเหลืองหรือไข่แดง) และ วิตามินอีกหลายชนิดเข้าไปยังบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายที่มีการสะสมของไขมัน เป็นการฉีดโดยเทคนิคการผลักวิตามินเข้าสู่ชั้นไขมัน เพื่อช่วยเร่งการเผาผลาญ ทำให้ไขมันแตกตัวออกจากกัน และถูกขับออกไปจากร่างกายในที่สุด ถือเป็นวิธีที่จะช่วย ลดกระชับสัดส่วนให้ได้รูปตามต้องการแบบไม่ต้องผ่าตัด
สำหรับยี่ห้อ เมโสแฟต ที่ได้รับความนิยมมียี่ห้อใดบ้าง?
สำหรับผลิตภัณฑ์ยี่ห้อของเมโสแฟตนั้นก็มีหลากหลายยี่ห้อด้วยกันที่ทางผู้รับบริการสามารถเลือกได้ ดังนั้นเราจึงแนะนำให้คุณได้เข้าปรึกษาพบแพทย์เพื่อประเมินจุดความต้องการ ว่าควรเลือกใช้เมโสยี่ห้อไหน ที่เหมาะสมต่อการฉีดให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยในประเทศไทยก็จะแบ่งออกยี่ห้อของเมโสแฟตที่ได้รับความนิยมมีดังนี้
- มาเด้คอลลาเจน หนึ่งในตัวยาชื่อดังจากทางประเทศอิตาลี ที่มีในคุณสมบัติช่วยให้หน้าใสขับสารพิษที่อยู่ภายใต้ผิวหนังลดอาการผิวอักเสบและผื่นแพ้ต่างๆ แถมยังมีประสิทธิภาพในการลดสิวช่วยให้ใบหน้าสว่างทุกจุด นอกจากนี้ยังปรับสภาพสมดุลของผิวให้เกิดความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
- ไซโตแคร์ เป็นนวัตกรรมที่อุดมไปด้วยอาหารสำหรับผิวเพื่อกู้คืนผิวที่ดูหมองคล้ำของท่านให้กลับมาเยาว์วัยและสุขภาพดีดังเดิม หลักการทำงานของผลิตภัณฑ์ชนิดนี้คือเสริมสร้างคอลลาเจนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว รักษาปัญหารอยดำรอยแดง ฝ้าและกระ
- FILORGA ผลิตภัณฑ์ที่ทำงานร่วมกับฟิลเลอร์ให้คุณสมบัติในการกักเก็บให้ผิวหน้าของท่านมีความชุ่มชื้นและฟื้นฟูสำหรับท่านที่ผิวขาดน้ำและไม่มีความเปล่งปลั่ง ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรองรับจากศูนย์วิจัยจากประเทศฝรั่งเศสการันตีว่า 90% จะสามารถปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระได้มีคุณสมบัติช่วยให้ความชุ่มชื้นและความกระจ่างใสพร้อมเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวยกกระชับให้ไม่เกิดความหย่อนคล้อย
เมโสแฟต อันตรายหรือมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
หากท่านเข้าใช้บริการกับทางคลินิกที่มีมาตรฐานและได้รับการดูแลจากทีมแพทย์ที่มีความเเชี่ยววชาญ ปัญหาเรื่องอันตรายจะไม่มีเลย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ตัวยาจะเป็นสารสกัดมาจากธรรมชาติ ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดเอฟเฟคตามมาทีหลังเป็นไปได้ยาก โดยสารสกัดชนิดนี้สามารถที่จะขับออกทางของเสียธรรมชาติตามกระบวนการของร่างกาย แต่สำหรับผลข้างเคียงหลังการฉีดจะมีดังนี้
- บริเวณที่ฉีดอาจเกิดความบวมโดยประมาณ 1-2 ชั่วโมง คุณสามารถที่จะนวดเพื่อให้ตัวยากระจายได้รวดเร็วและดียิ่งขึ้น
- สำหรับผู้ฉีดบางท่านที่มีผิวบางอาจมีรอยช้ำจากการฉีดที่เกิดจากรอยเข็ม
- ในกรณีที่ฉีดกับคลินิกที่ไม่มีมาตรฐานอาจส่งผลให้คุณติดเชื้อได้ เพราะฉะนั้นก่อนการรับการบริการทุกครั้งจำเป็นจะต้องศึกษาข้อมูลรายละเอียดของคลินิกให้เป็นอย่างดีเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้ารับการบริการ
ผู้รับการบริการหลายท่านเข้าใจผิดเกี่ยวกับการฉีดเมโสแฟตว่าจะต้องได้รับผลลัพธ์เลยทันที คุณจำเป็นจะต้องฉีดย้ำหลายครั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์เร็วหรือช้าจะขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันส่วนเกินของแต่ละบุคคล และไม่ใช่การรักษาแบบถาวร โดยไขมันสามารถจับตัวขึ้นมาใหม่และสะสมใหม่อีกครั้งได้
เมโสแฟต ทำให้หน้าเรียวได้ผลจริงมั้ย?
การฉีดเมโสแฟต สามารถทำให้หน้าเรียวและเห็นผลได้จริง โดยการเห็นผลนั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันสะสมอยู่ด้วย หากคนไข้มีไขมันสะสมที่บริเวณนั้นมาก อาจจะต้องใช้เวลา แต่ส่วนใหญ่การฉีด เมโสแฟต จะเห็นผลลัพธ์ประมาณ 1 สัปดาห์ เมื่อฉีดบริเวณ เหนียง ใต้คาง หรือ แก้ม ก็จะทำให้ที่ฉีดนั้นเล็กลง และ ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างชัดเจน
เมโสแฟต VS โบท็อก ต่างกันอย่างไร?
การฉีดเมโสแฟต เน้นช่วยลดไขมันเฉพาะจุด เหมาะสำหรับบริเวณที่ไม่สามารถกำจัดไขมันได้ด้วยการออกกำลังกาย อย่างเหนียง ใต้คางเป็นต้น โดยการฉีดเมโสแฟตบริเวณนี้เป็นการสลายไขมันใต้คาง ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน หน้าเรียว และเห็นกรอบหน้าชัดมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และเจ็บตัวน้อยที่สุด ไม่ต้องฉีดยาชา
การฉีดโบท็อกซ์ เน้นแก้ปัญหาริ้วรอย และช่วยให้กล้าเนื้อเกิดการคลายตัว ส่งผลโดยตรงกับริ้วรอยบนใบหน้า นอกจากนี้การฉีดโบท็อกยังนิยม ในการลดกล้ามเนื้อบริเวณกรามเพื่อทำให้กล้ามเนื้อฝ่อตัวเล็กลง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ใบหน้าดูเล็กและเรียวขึ้นนั่นเอง
การรับบริการสลายไขมันจาก โบท็อก VS เมโส VS ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม แบบไหนดีที่สุด และเหมาะสมกับใคร?
การปรับโครงหน้าหรือรูปหน้าถือว่ามีเทคนิคที่หลากหลายโดยแต่ละเทคนิคก็จะขึ้นอยู่กับ ปัญหาที่ผู้รับบริการเจอโดยเทคนิคไหนเหมาะสำหรับผู้รับบริการแบบใดวันนี้เรามีคำตอบ
- ปัญหาที่ 1 ผู้ที่มีปัญหาแก้มใหญ่เหมือนอมลูกอมอยู่ตลอดเวลา สำหรับปัญหานี้เป็นปัญหาพื้นฐานที่ใครหลายคนเจอเนื่องจากไขมันบริเวณแก้มมีมากและเกินเกินไป คุณจะเป็นอาจจะต้องตัดมันกระพุ้งแก้มเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและผลลัพธ์ตามที่คุณคาดหวัง
- ปัญหาที่ 2 สำหรับผู้ที่มีปัญหาในส่วนของกรามใหญ่ แนะนำให้คนใช้เทคนิคในการฉีกโบท็อกเพื่อลดความใหญ่ของกล้ามเนื้อทำให้เห็นกรอบหน้าชัดเจนมากยิ่งขึ้นและทำให้หน้าดูเรียวขึ้น
- ปัญหาที่ 3 ปัญหาเนื้อบริเวณใต้คาง หรือเราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเหนียง ท่านสามารถรับบริการในการฉีดเมโสแฟตโดยผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับตัวยาที่ใช้และเทคนิคของแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญนั่นเอง ความรวดเร็วของผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับระบบเผาผลาญของแต่ละผู้รับบริการด้วย
วิธีที่สามารถลดและสลายไขมันกรอบหน้าได้ มีอะไรบ้าง?
1. ฉีดเมโสแฟต
เป็นการฉีดตัวยาเฉพราะเข้าไปในชั้นไขมัน ช่วยสลายไขมันส่วนเกินเมื่อเซลล์ไขมันตายก็จะกลายเป็นของเสีย ซึ่งของเสียจะถูกขับออกทางระบบน้ำเหลือง
- ข้อดีคือ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวไม่หย่อนคล้อยหลังการสลายไขมัน และเป็นวิธีลดเหนียง ลดคางสองชั้น ช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับมากขึ้น ทำให้สามารถลดไขมันส่วนเกินได้โดย ไม่ต้องผ่าตัดและพักฟื้น ที่สำคัญคือเจ็บตัวน้อย และใช้เวลาฉีดไม่นาน
- ข้อเสียคือ หลังฉีดอาจจะยังไม่เห็นผลทันที ต้องรอประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ อาจมีอาการบวมหลังฉีดได้ ซึ่งจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน
2. ฉีดโบท็อก
การฉีดโปรตีน ชนิดหนึ่งที่สร้างจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า ครอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) สามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่หดตัว นิยมฉีดโบท็อกลดกราม เพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อส่วนกราม และ ช่วยลดริ้วรอยต่างๆได้ทั่วใบหน้า
- ข้อดีคือ เมื่อฉีดเสร็จ สามารถทำกิจกรรม ตามปกติได้ทันที และสามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้ทำให้รูปหน้าเรียวเล็กลงได้อย่างชัดเจน หลังฉีดไปแล้วเห็นผลได้เร็ว มีผลข้างเคียงน้อย
- ข้อเสียคือ หากฉีดโบท็อกซ์ปลอมหรือกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ใบหน้าจะแข็ง ไร้อารมณ์ เป็นหุ่นยนต์ หน้าผากตก และ ปากเบี้ยวได้
3. การดูดไขมันกรอบหน้า
การผ่าตัดกรีดแผลขนาดเล็กเพื่อดูดไขมันที่สะสมอยู่บริเวณใต้คางออก เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ในการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น มองเห็นกรอบหน้า และ คางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ข้อดีคือ สามารถกำจัดไขมันได้ในปริมาณมาก เป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังการทำทันที และยังเป็นการกำจัดไขมันออกไปได้อย่างถาวร
- ข้อเสียคือ อาจเกิดอันตรายกับเส้นประสาทหรือเนื้อเยื่อบริเวณใบหน้าได้ ขณะดูดไขมันกรอบหน้าอาจรู้สึกเจ็บ และมีอาการบวมซ้ำได้หลังทำ ซึ่งถ้าทำกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญอาจเกิดการติดเชื้ออักเสบได้ ต้องมีเวลาในการพักฟื้นอย่างน้อย 7 วันเป็นอย่างต่ำ
4. HIFU
คือการนำคลื่นที่มีความเข้มข้นสูงอัลตร้าซาวด์เข้าไปยังบริเวณผิวหนังที่ต้องการยกกระชับ เพื่อให้คลื่นพลังงานเข้าไปทำลายไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อให้ผิวหนังเกิดการยกกระชับขึ้น
- ข้อดีคือ ช่วยยกกระชับผิวหน้า ไม่ต้องลงเข็ม และไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ไม่มีแผลใดๆ หลังทำ เมื่อทำเสร็จยังสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
- ข้อเสียคือ อาจจะมีการเมื่อยตึงที่ใบหน้า และ มีรอยแดง 1-2 ชั่วโมง ต้องทำซ้ำบ่อยๆเพื่อการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ฉัดเมโสแฟตลดได้จริงหรือ ต้องฉีกกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
การฉีดเมโสแฟต สามารถเห็นผลได้จริงตั้งแต่ครั้งแรก โดยไขมันเริ่มจะเริ่มสลายตัว 10-15% และจะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ประมาณ 1-3 สัปดาห์ แต่ถ้าในเคสที่มีปริมาณไขมันมากๆ อาจต้องฉีด 3-4 ครั้ง จึงจะเห็นผลได้ชัดเจน สำหรับอายุการออกฤทธิ์ของโบท็อกจะหยุดในระยะเวลาประมาณ 5-6 เดือนขึ้นอยู่กับการดูแลของผู้รับบริการด้วย ทั้งนี้การฉีดเมโสแฟตให้ได้ประสิทธิภาพก็ขึ้นอยู่กับความดูแลของทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคนิคในการใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฉีดให้มากยิ่งขึ้น
สามารถฉีด เมโสแฟต จุดไหนได้บ้าง?
หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าการฉีดเมโสแฟตไม่จำกัดเพียง ฉีดลดไขมันบริเวณบนใบหน้าหรือฉีดสลายไขมันบริเวณแก้ม คาง หรือเหนียงเท่านั้น แต่ยังสามารถฉีดบริเวณอื่นได้ด้วยโดยมีจุดที่สามารถฉีดได้ดังต่อไปนี้
- บริเวณเหนียง
- บริเวณหน้าท้อง
- บริเวณ ต้นแขน ต้นขา
- บริเวณน่อง
ฉีดเมโสแฟต เหมาะกับใครบ้าง
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่บนใบหน้า
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้หน้าเรียวขึ้น เห็นกรอบหน้าชัดเจนขึ้น
- เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกาย แต่ไม่สามารถลดไขมันบางจุดได้
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดแก้ม เหนียง ต้นแขน ต้นขา น่อง สะโพก
- เหมาะกับผู้ที่มีการคุมอาหารแล้วแต่ยังมีไขมันส่วนเกินในบางจุด
- เหมาะกับคนที่ต้องการให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วโดยไม่ต้องผ่าตัด
ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดเมโสแฟต
- ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ไม่แนะนำให้ฉีด ควรรอคลอดก่อน
- ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณนั้น แบบมากๆ ควรทำการดูดไขมันเพื่อผลลัพธ์ที่เร็วและชัดเจน
- ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบหรือมีการติดเชื้อ ควรรอให้หายก่อนเพื่อความปลอดภัย
- ผู้ที่ใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด มีภาวะลิ่มเลือด
- ผู้ที่มีการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ
- ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรงก็ควรหลีกเลี่ยงการฉีดเมโสแฟต
เมโสแฟตสามารถทำพร้อมโบท็อกได้มั้ย?
การฉีดเมโสแฟตกับฉีดโบท็อก สามารถเลือกทำทั้ง 2 อย่างคู่กันได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ไวขึ้น สามารถทำให้ทั้งใบหน้า และ สัดส่วนของร่างกายบริเวณนั้นมีขนาดเล็กลงได้จากทั้ง ไขมันและกล้ามเนื้อที่เล็กลง ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าในบริเวณที่เราต้องการจะลดนั้น เป็นไขมันหรือกล้ามเนื้อมากกว่ากัน เพื่อการแก้ไขอย่างตรงจุด
ทำไมฉีดเมโสแฟต แล้วไม่เห็นผล?
- การฉีดเมโสแฟตแล้วไม่เห็นผล อาจเกิดจะคนไข้มีไขมันส่วนเกินมากไป
- การที่ไม่ดูแลตัวเองหลังฉีด เช่น การสูบบุหรี่ และ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะใน 2 สิ่งนี้มีสารที่สามารถทำลายตัวยาให้สลายไป
- ตัวยาที่ใช้อาจเป็นตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน (หากสั่งซื้อมาจากอินเตอร์เน็ต)
- คุณหมอขาดความชำนาญทำให้ไม่สามารถคำนวณปริมาณยาที่เหมาะสมได้
ข้อปฏิบัติและข้อห้ามหลังฉีดเมโสแฟต
หลังจากฉีดแฟต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีอะไรบ้างที่ห้ามทำถึงแม้ว่าการฉีดเมโสแฟตไม่จำเป็นจะต้องพักฟื้นก็ตาม แต่ยังมีข้อห้ามที่คุณสามารถปฏิบัติตามได้อย่างไม่ยุ่งยาก
- ห้ามอยู่ใกล้ความร้อนหรืออบซาวน่าเป็นเวลาทั้งหมด 1 อาทิตย์ เพื่อไม่ให้อาการบวมช้ำยังคงอยู่
- งดการทำทรีทเม้นหรือขัดหน้า อาจส่งผลให้บริเวณที่คุณฉีดติดเชื้อได้
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลา 3 วัน เพื่อเป็นการลดอาการบวมช้ำหลังจากการรับการบริการ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากการฉีดเมโสแฟตไม่ได้เป็นการรักษาแบบถาวรเพราะฉะนั้นไขมันก็สามารถที่จะก่อเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้ อาจส่งผลให้ระยะเวลาการอยู่ของยามีประสิทธิภาพและระยะเวลาที่น้อยลงนั่นเอง
ฉีดเมโสแฟตที่ไหนดี?
- คลินิกต้องใช้เมโสแฟตแท้เท่านั้น
- คลินิกต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและความชำนาญในการหัตถการโดยตรง
- คลินิกต้องใส่ใจทุกรายละเอียด ทุกขั้นตอน พร้อมให้บริการ
- คลินิกต้องให้คำปรึกษา ดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งก่อนและหลังทำหัตถการ
- สถานที่ตั้งของคลินิกต้องสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก
- คลินิกต้องมีหลายสาขาเพื่อ ความสะดวกในการเข้าใช้บริการ
Q&A : ฉีดเมโสแฟต
Q : สามารถซื้อตัวยาเมโสเพื่อมาฉีดเองได้หรือไม่?
: ไม่ควรซื้อผลิตภัณฑ์มาฉีดเองเนื่องจากอาจจะทำให้เกิดการอักเสบและการติดเชื้อหากคุณไม่ได้รับการบริการจากผู้เชียววชาญโดยตรง
Q : คนท้องสามารถรับการบริการฉีดเมโสได้หรือไม่?
: เนื่องจากคุณสมบัติของเมโสแฟสเป็นการสลายไขมันเพราะฉะนั้น หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่กำลังให้นมบุตรไม่ควรที่จะรับการบริการเนื่องจากอาจจะทำให้ผิวหนังของท่านติดเชื้อและอักเสบได้อย่างรุนแรง
Q : เมโสแฟต 1 ขวดมีทั้งหมดกี่ CC?
: สำหรับเมโสแฟท 1 ขวดจะมีปริมาณทั้งหมด 10 ซีซี
สรุป
การฉีดเมโสแฟต เป็นหนึ่งในวิธีเสริมความงามที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งมีดหมอ สามารถช่วยแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้ เป็นวิธีลดไขมันเฉพาะจุดที่ช่วยสลายไขมันได้รวดเร็ว แต่การจะฉีดเมโสแฟตให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ต้องใช้เมโสแฟตของแท้ ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพราะจะได้มีการคำนวณปริมาณตัวยาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละเคส